Happy Means Skin Healthy อารมณ์ดีส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพผิว

เราทุกคนประสบปัญหาผิวอยู่บ้างในตลอดหลากช่วงเวลาของชีวิต หลายคนอาจจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเป็นฮอร์โมนตามช่วงวัย, ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม หรืออาหารที่เลือกทานที่ส่งผลกระทบต่อผิว ซึ่งหลายคนมองข้ามเรื่องของอารมณ์ไป แต่ในความจริงแล้วหลายครั้งปัญหาผิวที่เกิดขึ้นให้ชวนกลุ้มนั้นมีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด ความวิตกกังวล และความซึมเศร้า ในทุกๆ อารมณ์นั้นสามารถนำไปสู่การเกิดปัญหาของผิวหนังได้

อารมณ์ส่งผลต่อผิวได้อย่างไร

อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มักจะมีปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกาย อารมณ์สามารถลดความสามารถในการรักษาของผิวหนัง, เพิ่มระดับคอร์ติซอลในกระแสเลือด, เซลล์ผิวอ่อนแอลง, ขัดขวางการผลิตคอลลาเจน ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณจะส่งผลให้ผิวหนังของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ อารมณ์ทางด้านลบจะส่งผลต่อผิวหนังในรูปแบบต่างๆ ซึ่งระยะเวลาที่อารมณ์เหล่านี้ยังคง ก็จะมีอยู่ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวที่มีความรุนแรงมากขึ้น หรือปัญหาผิวซ้ำซาก ทั้งนี้ ปัญหาผิวที่เกิดขึ้นเป็นได้ตั้งแต่สิวไปจนถึงโรคสะเก็ดเงิน กลาก โรคโรซาเซีย ลมพิษ อาการคัน และอื่นๆ

เครียด-โกรธ-เศร้า จะอารมณ์ไหนก็มีผลที่ต่างกันไป

ความเครียด : คือตัวการสำคัญที่ทำให้คุณมีใบหน้าที่แก่เกินวัย เนื่องจากความเครียดนั้นทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดเปราะบางขึ้น เซลล์ผิวต้องใช้เวลาฟื้นตัว เพิ่มการผลิตน้ำมันในผิวหนัง เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ทำให้ผิวบอบบางและระคายเคืองง่าย จนเกิดปัญหาผิวมากมาย เช่น สิว กลากและสะเก็ดเงิน เป็นต้น นอกจากนี้เวลาที่เครียด ร่างกายมักจะเลือกทานอาหารไม่มีประโยชน์ เนื่องจากฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มความอยากอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน และอาหารแปรรูป ดื่มน้ำน้อยลงและดื่มแอลกอฮอล์มาก ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำตามมาด้วย และตามมาด้วยปัญหาริ้วรอยและร่องลึกที่ดูเด่นชัด

ความโกรธ : อารมณ์ฉุนเฉียวจากความโกรธ ทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้นได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อใบหน้าของคุณตึง จากการแสดงอารมณ์อย่างการขมวดคิ้วหรือทำหน้าบูดบึ้ง หากคุณแสดงสีหน้าและอารมณ์โกรธอยู่เป็นประจำอาจทำให้คุณมีรอยเส้นบริเวณหน้าหน้าผากและรอยย่นเด่นชัด จนกลายเป็นริ้วรอยถาวร นอกจากนี้ อารมณ์โกรธยังส่งผลต่อการฟื้นฟูและสมานผิวของคุณอีกด้วย ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารBrain, Behavior, Immunity เผยว่าหากคุณมีอารมณ์โกรธจะต้องใช้เวลามากกว่าถึง 4 เท่าในการรักษาและการผลัดเซลล์เนื่องจากระดับคอร์ติซอลที่สูงเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้มีอารมณ์โกรธ นอกจากนี้ในคนที่มีอารมณ์โกรธเร็วจะส่งผลให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ช้าลง ซึ่งคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการรักษาผิว และเป็นสาเหตุของการเกิดรอยย่น

ความเศร้า : ภาวะซึมเศร้าและอารมณ์เศร้านั้น ส่งผลแทบไม่ต่างจากอารมณ์โกรธ ใบหน้าอาจเกิดริ้วรอยจากการขมวดคิ้วซ้ำๆ นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่พบบ่อยของภาวะซึมเศร้า อย่างอาการนอนไม่หลับ เมื่อคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัญหาผิวที่อักเสบจะรักษาตัวเองได้ช้าลง รวมถึงอาการอ่อนเพลียที่ออกมาในรูปแบบของถุงใต้ตา ตาบวม และผิวหมองคล้ำหรือไม่มีชีวิตชีวา

ความวิตกกังวล: ความวิตกกังวลอาจทำให้ผิวแห้ง แพ้ง่าย และมีแนวโน้มที่จะเกิดการระคายเคือง ตลอดจนนำไปสู่การแคะและเกาผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้สภาพผิว เช่น กลากและสะเก็ดเงินแย่ลงได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลไม่ต่างจากอารมณ์โกรธ จึงมีปัญหาผิวเหล่านั้นตามมาเช่นกัน

คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าอารมณ์ส่งผลต่อผิวมากน้อยเพียงใด จึงทำให้บางครั้งการรักษาปัญหาผิวแบบปกติจึงยังไม่ได้ผล เพราะ การแก้ไขปัญหาผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์บางอย่างอาจต้องใช้ทั้งวิธีการทางผิวหนังและจิตใจ สำหรับการดูแลจิตใจตัวเองให้มีอารมณ์ดีนั้นอาจทำได้แบบง่ายๆ เช่น อาจเริ่มจากการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และการดูแลตนเอง นอกจากนี้ หากคุณรู้สึกต้องการบำบัดทางอารมณ์ที่เกินจะรับมือได้ การพบจิตแพทย์ก็ถือเป็นทางเลือกที่ควรทำไม่แพ้กัน

ที่มา :

https://www.gkderm.com/acne/can-mood-affect-the-skin

https://www.apskincare.co.uk/blog/how-our-emotions-can-affect-skin/

https://www.everydayhealth.com/beauty-pictures/how-moods-mess-with-your-skin.aspx