ฟิลเลอร์ HIFU โบท็อกซ์ ร้อยไหม ต่างกันอย่างไร เลือกทำอะไรดี?

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการการพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นรวมถึงในวงการของความงามที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มาทำให้ใบหน้าของเราสวยได้ตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ HIFU โบท็อกซ์ ร้อยไหม ซึ่งแต่ละเทคนิคก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจว่าจะปรับรูปหน้าด้วยวิธีการแบบใด ลองมาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละอย่างเพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องกันดีกว่า

ฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มสารไฮยารูรอนิค แอซิด เพื่อช่วยในการเติมเต็มรูปหน้า เช่น เสริมจมูก เสริมคาง เสริมแก้ม หรือเพื่อเติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้า เติมเต็มร่องลึกต่างๆ  เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม  รอยย่นบนหน้าผาก รอยตีนกาหรือแม้แต่การบำรุงผิวให้กระชับ มีความอิ่มน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อดี : ฟิลเลอร์ให้รูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการในบริเวณที่จะฉีดเพื่อเติมเต็ม อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์สามารถทำได้รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และไม่ทิ้งให้เกิดรอยแผลเป็น

ข้อเสีย : ฟิลเลอร์จะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ถาวร ส่วนมากจะมีอายุประมาณ 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับบริเวณทีฉีดและการดูแลตนเองหลังฉีด นอกจากนี้บางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่นผื่นบวมคันและฟกช้ำ

HIFU คือ การยกกระชับผิว ด้วยคลื่นโฟกัสอัลตราซาวน์ลงในในผิวชั้นลึก เพื่อทำลายคอลลาเจนเก่าที่เสื่อม พร้อมกระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรง ช่วยให้ผิวยกกระชับ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ผิวในบริเวณนั้นจะถูกยกกระชับ ตึง แก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย กระชับรูขุมขน

ข้อดี : ผิวจะมีการสร้างคอลลาเจนใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างผิวจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ (Collagen Remodeling) ยาวนานกว่า 1-2 ปี ไม่ใช้เข็ม ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย :  ไม่เห็นผลในทันทีในเรื่องของริ้วรอยเนื่องจากต้องใช้เวลาในการให้ผิวสร้างคอลลาเจน โดยจะเห็นผลตั้งแต่ 2-3 เดือนขึ้นไป และต้องทำซ้ำทุกๆ 3-6 เดือนเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง

BOTOX คือ การใช้สารสกัดโบทูลินัม ท็อกซินเอ ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากธรรมชาติฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อในบริเวณที่ต้องการให้คลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน นอกจากนี้โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์

ข้อดี : ได้รับการยอมรับกันมาอย่างยาวนาน เพราะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ สามารถฉีดได้หลายส่วนทั่วร่ายกาย ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้า และยังมีผลพลอยได้อย่างการลดการขับเหงื่อมากเกินไป ผ่อนคลายอาการปวดกล้ามเนื้อและช่วยบรรเทาอาการไมเกรน

ข้อเสีย : โบท็อกซ์จะอยู่ได้นานเพียง 4-8 เดือน หากได้รับสารสกัดโบทูลินัม ท็อกซินเอ มากเกินไปอาจเกิดปัญหาการดื้อยา และอาจมีผลข้างเคียงอย่างกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราวได้อีกด้วย

ร้อยไหม คือ การใช้ไหมละลายมาช่วยดึงยกจุดหย่อนคล้อย และแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้น

ข้อดี :  ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน มีผลให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้าทำให้ผิวเกิดการกระชับตึงขึ้นในทันที

ข้อเสีย :  ยังคงถือเป็นการผ่าตัดอยู่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออันมาจากการใช้เข็มสอดเส้นไหมจำนวนมากเข้าไปที่ผิวหนัง

การแก้ปัญหาเพื่อเติมเต็มความงามตามที่ต้องการบนใบหน้ามีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเลือกปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดแต่เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของคุณด้วยเช่นกัน

ที่มา :

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1166

https://www.smartbeautyguide.com/procedures/injectables/fillers/

https://www.chularat3.com/knowledge_detail.php?lang=th&id=435

https://bit.ly/2Q0r71J

https://www.nonthavej.co.th/Skin-and-Cosmetic-Surgery-Center-section1.php

https://www.skinbodyhealth.com/the-pros-cons-of-botox/

https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/08172020-1204

https://www.chularat3.com/knowledge_detail.php?lang=th&id=433

https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service-knowledge-article-info.php?id=383